หลาย ๆ คนคงเริ่มเล็งเครื่องกรองฝุ่นมาใช้งานบ้างแล้ว นิตยสาร “ฉลาดซื้อ” ฉบับออนไลน์ก็ได้เผยแพร่ผลทดสอบเครื่องฟอกอากาศที่จำหน่ายในประเทศ ซึ่งก็มีบางรุ่นที่สอบตก
ทางนิตยสารออนไลน์ ฉลาดซื้อ ได้เปรียบเทียบผลทดสอบเครื่องกรองฝุ่น PM2.5 ทั้งหมด 10 รุ่น ได้แก่
♦ Hatari HT-AP12 ราคา 4,888 บาท
♦ Philips AC1215/20 ราคา 7,990 บาท
♦ Mi AirPurifier 2S ราคา 4,098 บาท
♦ Mitsuta MAP450 ราคา 3,990 บาท
♦ Hitachi EP-A3000 ราคา 4,900 บาท
♦ Bwell CF-8400 ราคา 9,900 บาท
♦ Blueair Joy S ราคา 9,900 บาท
♦ Claire C2BU-1933 ราคา 6,990 บาท
♦ Sharp FP-J30TA-B ราคา 3,990 บาท
♦ Fanslink Air D. Cube ราคา 1,990 บาท
ซึ่งแหล่งที่มาทำการทดสอบเครื่องฟอกอากาศโดยการปรับปรุงมาตรฐาน Standards of The Japan Electrical Manufacturers’ Association (JEM Standards), JEM1467-Air Cleaner for Household Use (Air cleaners of household and similar use) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศครัวเรือน (รายละเอียดการทดสอบอ่านได้ในแหล่งที่มา คลิก)
โดยผลการทดสอบถูกแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่
1.เครื่องฟอกอากาศที่ฟอกอากาศได้น้อยมากจนผู้ทดสอบพบว่าไม่สามารถลดปริมาณฝุ่นได้คือยี่ห้อ Clair
2.เครื่องฟอกอากาศที่ฟอกอากาศได้ แต่ไม่เป็นไปตามสเปกที่ระบุไว้คือยี่ห้อ Blueair ที่ลดปริมาณฝุ่นได้ในพื้นที่ 13.82 ตารางเมตร แต่ไม่เป็นไปตามโฆษณาหรือคู่มือการใช้งานที่ระบุว่าเหมาะกับห้อง 16 ตารางเมตร
3.เครื่องฟอกอากาศที่สามารถใช้ในห้องที่มีขนาด มากกว่า 20 ตารางเมตร ไม่เกิน 30 ตารางเมตร และเป็นไปตามโฆษณาหรือคู่มือการใช้งาน ได้แก่ ยี่ห้อ Hitachi, Bwell, Fanslink Air D และ Sharp
4.เครื่องฟอกอากาศที่สามารถใช้ได้กับห้องที่มีขนาดมากกว่า 20 ตารางเมตร ไม่เกิน 30 ตารางเมตร แต่ไม่เป็นไปตามโฆษณาหรือคู่มือการใช้งาน ได้แก่ Hatari และ Mitsuta
5.เครื่องฟอกอากาศที่สามารถใช้ในห้องที่มีขนาด มากกว่า 30 ตารางเมตร และเป็นไปตามโฆษณาหรือคู่มือการใช้งาน ได้แก่ Philips และ Mi
สรุป แบรนด์ข้างต้นที่สามารถซื้อไปใช้ได้ตามสเปกที่ระบุได้จริงคือ Hitachi, Fanshlink Air D, Sharp, Philips, Bwell และ Mi ครับ ซึ่งอ่านผลการทดสอบเต็ม ๆ ได้จากที่มาครับ จะมีรายละเอียดว่าเหมาะสำหรับห้องขนาดเท่าไหร่ด้วย
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก beartai.com